วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

infographic รู้ทัน ICT


บันทึกการเรียนรู้ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2558



"โมเดลปลาทู" เป็นโมเดลที่เปรียบการจัดการความรู้เป็น ๓ ส่วน คือ

                ส่วนหัวและตา หมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางการจัดการความรู้ เป็นส่วนที่ต้องตอบให้ได้ว่าทำการจัดการความรู้ไปเพื่ออะไร ประเด็นที่สนใจที่จะนำมาทำการจัดการความรู้นั้นคือเรื่องอะไร เกี่ยวข้องหรือสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ขององค์กรอย่างไร ควรเป็นความเห็นร่วมกันของคนในองค์กร โดยสร้างความเข้าใจในประโยชน์ที่จะได้รับ และร่วมกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
              ส่วนลำตัวปลา หมายถึง ส่วนของการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะความรู้ซ่อนเร้นที่มีอยู่ (Tacit knowledge) โดยอาจใช้รูปแบบของ best practice การสอนงานในองค์กร การศึกษาเพิ่มเติม เรียนรู้ความสำเร็จของผู้อื่น หรือชุมชนนักปฏิบัติ และอำนวยให้เกิดการเรียนรู้แบบเป็นทีม เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนความรู้และเกิดนวัตกรรมในที่สุด
             ส่วนหางปลา หมายถึง ส่วนของคลังความรู้ที่ได้จากการเก็บสะสมเกร็ดความรู้ที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี โดยยึดหลักให้มีการสรุปประเด็นที่สำคัญ มีการอ้างอิงที่ถูกต้อง ง่ายต่อการสืบค้นและนำไปใช้ สะดวกต่อการถ่ายโอนและกระจายความรู้ ถือเป็นการสกัด Tacit knowledge ให้เป็น Explicit knowledge แล้วนำไปใช้เพื่อพัฒนาและยกระดับให้เกิดเป็นความรู้ใหม่ต่อไป

ที่มา  :  http://psu-mit13.com/1062/jl1062/2015-04-30-14-58-42/12-2015-05-01-17-29-45

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สรุปท้ายบทเรียน การจัดการความรู้ทางการศึกษา วันพฤหัสที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

   จากที่ผมได้เรียนในคาบนั้น  ทำให้ผมได้รู้ถึงความหมายของความรู้ว่าทุกคนมีความรู้อยู่ในตัว  อยู่ที่ว่าจะได้นำมาใช้หรือไม่  ยกตัวอย่าง  เช่น  เขาถามเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ว่ามีอะไรบ้าง  แต่เราตอบไม่ได้  นั่นไม่ได้หมายความว่าเราโง่  เพียงแค่เราไม่มีความรู้ในด้านนั้น  เราอาจจะมีความรู้ทางด้านอื่น  เช่น  ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์  ดังนั้น  คำถามแต่ละคำถามไม่สามารถวัดระดับความฉลาดของคนเราได้  และผมได้รู้ถึงจุดเริ่มต้นของความรู้  จุดเริ่มต้นของความรู้เริ่มจากคน2คนมาเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ฟัง  โดยแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน  จะทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา  เช่น  ผมมีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมประตูผมก็นำมาเล่าให้เพื่อนฟัง  ส่วนเพื่อนมีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมหลอดไฟแล้วนำมาเล่าประสบการณ์ให้ผมฟัง  ดังนั้นผมและเพื่อนนำประสบการณ์ของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนกันจนทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่นั่นเอง  และผมยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปภาพความรู้เปรียบเสมือนน้ำแข็ง  โดยไม่มีคำบรรยายใต้ภาพใดๆ  มีแต่ภาพภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาบนพื้นน้ำเพียงเล็กน้อย  แต่ใต้น้ำนั้นฐานของมันลึกล้ำยิ่งกว่าคำบรรยาย  ภาพนี้ผมเปรียบเสมือนว่า  อย่ามองคนแค่ภายนอกให้มองจากข้างใน  คนที่ไม่มีอะไรดีภายนอกภายในความคิดของเขาก็อาจจะทำให้โลกนี้เปลี่ยนได้   สุดท้ายระดับของความรู้ จะมี  Know-what  Khow-how  Khow-why  Care-why  เป็นขั้นบันใดจากรู้มากไปน้อย  ผมอยู่ใน  Khow-how

                                                                       โดย  นายธีรพงศ์  ขลุกเอียด  5681135014